น้องๆหลายคนทราบกันดีอยู่แล้วว่า คะแนน GPAX เป็นคะแนนที่ถูกนำมาใช้ในเกณฑ์การคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยในระบบ TCAS แต่คะแนนส่วนนี้มีสำคัญยังไง แล้วทำไมเราจึงต้องให้ความสำคัญมากพอๆกับการสอบเข้ามหาวิทยาลัย แล้วถ้าเรามีคะแนน GPAX ที่ดีจะส่งผลดีอย่างไรในการเข้ามหาวิทยาลัยไปดูกันเลยจ้า
คะแนน GPAX หรือผลการเรียนเฉลี่ยสะสม คือการเอาผลการเรียนทุกเทอม ทุกวิชา มารวมกันและทำการหาค่าเฉลี่ยนั่นเอง เช่น กำหนดให้มีผลการเรียนเฉลี่ยสะสม (GPAX) 5 เทอม ไม่ต่ำกว่า 3. 00 นั่นหมายถึงการเอาผลการเรียนเฉลี่ยสะสมตั้งแต่ ม. 4 เทอม 1 ถึง ม. 6 เทอม 1 มารวมกันเพื่อหาค่าเฉลี่ย แล้วต้องได้ตั้งแต่ 3. 00 ขึ้นไปถึงจะผ่านเงื่อนไข หรือในกรณีที่กำหนดมาว่าใช้ GPAX ตลอดหลักสูตรก็หมายความว่าต้องใช้ผลการเรียนเฉลี่ยสะสมทั้ง 6 เทอมนั่นเอง เป็นคะแนนที่ใช้ใน TCAS ไม่ว่าจะเป็นเกณฑ์ขั้นต่ำผ่านคุณสมบัติ หรือ ใช้คำนวณคะแนนในการคัดเลือก
คะแนน GPAX เยอะดีอย่างไรบ้าง? 1. เลือกสมัครได้หลากหลาย เพราะคะแนนผ่านเกณฑ์คุณสมบัติผู้สมัคร
ในการรับสมัครในระบบ TCAS แต่ละรอบ แต่ละมหาวิทยาลัยก็จะมีระเบียบการของแต่ละคณะสาขา และเกือบทุกที่มีการกำหนดใช้คะแนน GPAX และได้มีการกำหนดเกณฑ์ขั้นต่ำเอาไว้ ดังนั้นการที่เรามีคะแนน GPAX ที่ดี จึงเป็นเสมือนใบเบิกทางซึ่งทำให้น้องๆมีโอกาสในการเลือกสมัครได้หลายสาขาวิชา
2.
สมัครเรียน
น้องๆ ที่ต้องการสอบเข้าคณะแพทย์-ทันตะ เภสัช แล้วมีเป้าหมายติดให้ได้ตั้งแต่ TCAS รอบ 1 สิ่งสำคัญที่ต้องเตรียมไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ คือ Portfolio หรือแฟ้มสะสมผลงาน มาดูกันเลยว่า Portfolio เตรียมติดหมอรอบ 1 ที่ดีต้องมีข้อมูลอะไรบ้าง เผื่อเป็นแนวทางให้น้องได้นำไปปรับใช้จ้า
อยากเรียนต่อสายแพทย์เตรียมเก็บผลงานให้ดี สิ่งสำคัญที่น้องๆ ที่ต้องการเรียนต่อสายแพทย์ ควรมีก็คือ ผลงานวิชาการ รางวัล และเกียรติบัตรต่างๆ น้องๆ ไปแข่งขันทักษะหรือรว่วมกิจกรรมอะไรที่เกี่ยวข้องที่ไหนบ้าง ใส่มาได้เลยนะคะและควรเเลือกผลงานที่เกี่ยวข้องมาแค่ในช่วง ม. 4 – ม. 6 เท่านั้นนะคะ แต่ถ้ามีผลงาน ได้รับรางวัลระดับชาติหรือนานาชาติตั้งแต่ ม. ต้น ก็ควรใส่เข้ามาด้วยจ้า ที่สำคัญรีบเตรียมผลงานกันไว้ตั้งแต่เนิ่นๆจะดีมากเลยนะคะ เพราะถ้ามาเริ่มเตรียมตอน ม. 6 ก็อาจจะช้าไปนิดนึงจ้า
ทำไมเราอยากเข้าเรียนในคณะ สาขา และมหาวิทยาลัยนี้? ตรงนี้จะคล้ายๆ การเขียน statement of purpose เลย โดยที่เราจะเขียนเป็นเรียงความแบบย่อ ความยาวไม่เกิน 1 หน้า ไม่เขียนให้แน่นหรือเยิ่นเย้อจนเกินไป ให้เขียนให้เห็นถึงความตั้งใจ เป้าหมายในการเรียน และทัศนคติที่ดีที่เรามีต่อคณะ สาขาวิชา และมหาวิทยาลัยนั้นๆ ถ้าเรารู้ว่าคณะที่เราจะเข้ากำหนดหัวข้อมา ก็ให้เขียนตามที่ระเบียบได้กำหนดเอาไว้ได้เลย
ผลคะแนนภาษาอังกฤษตัวช่วยที่แสดงให้เห็นถึงทักษะด้านภาษาอังกฤษที่ดี
นอกเหนือจากผล สอบ IELTS ซึ่งมหาวิทยาลัยที่มีชื่อมักจะกำหนดคะแนนอยู่ที่ประมาณ ≥ 6.
3 นำแฟ้มสะสมผลงาน ใบสมัคร ใบแจ้งยอดการชำระเงิน และหลักฐานการสมัคร พร้อมแนบเงินค่าธรรมเนียมการสมัคร จำนวน 200 บาท นำส่งครูแนะแนวในโรงเรียนของตนเอง เพื่อให้ครูแนะแนวดำเนินการนำส่งมหาวิทยาลัยต่อไป
4. 2 การสมัครด้วยตนเองผ่านระบบออนไลน์
4. 2. 1 ผู้สมัครต้องบันทึกข้อมูลผู้สมัครผ่านระบบการสมัครเข้าศึกษาต่อของมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ ที่ โดยกรอกข้อมูลการสมัครให้ครบและ ถูกต้อง และเลือกสาขาวิชาได้เพียง 1 สาขาวิชาเท่านั้น
4. 2 สั่งพิมพ์เอกสาร จำนวน 2 ฉบับ
4. 3 นำใบแจ้งยอดการชำระเงินค่าธรรมเนียม ไปชำระเงินที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยาเท่านั้นหมายเลขบัญชี 427 – 0 – 000 – 68 – 6 โดยต้องชำระเงินภายใน 3 วัน หลังจากวันที่ทำการสมัคร
4. 4 จัดส่งแฟ้มสะสมผลงาน ใบสมัคร ใบเสร็จการชำระเงิน และหลักฐานการสมัคร ให้ครบถ้วน ส่งทางไปรษณีย์ด่วนพิเศษ (EMS) ส่งหลักฐานถึง งานรับสมัครนักศึกษา สำนักส่งเสริมวิชาการและงานทะเบียน มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ เลขที่ 439 ถ. จิระ ต. ในเมือง อ. เมือง จ. บุรีรัมย์ 31000 โ ดยจะถือวันประทับตราไปรษณีย์เป็นสำคัญ
หมายเหตุ: ผู้สมัครที่สมัครผ่านระบบออนไลน์ ต้องตรวจสอบคุณสมบัติด้วยตนเอง แล้วบันทึกข้อมูลให้ครบถ้วน ถูกต้อง ชัดเจน และบันทึกข้อมูลผ่านระบบการสมัครเข้าศึกษาต่อของมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ หากมหาวิทยาลัยฯ ตรวจสอบภายหลัง พบว่าขาดคุณสมบัติข้อใดข้อหนึ่งหรือหลักฐานประกอบการสมัครเป็นเท็จ จะถูกตัดสิทธิ์การสมัครและการคัดเลือกทันที
4.
มีคะแนน GPAX เยอะดีอย่างไร? | TCASPortfolio.com
3 แล้วค่ะ เลยวางแผนเลือกเรียนสายวิทย์-คณิต ตอนม. 4 ค่ะ Q: เตรียมตัวเก็บผลงาน เพื่อยื่นรอบ Portfolio อย่างไร A: พี่เริ่มเก็บพอร์ตมาตั้งแต่ ม. 4 จากการทำกิจกรรมที่โรงเรียน และมีทำกิจกรรมของโครงการ เก็บใส่เข้าไปใน Portfolio แล้วก็มีไปสอบ สอวน. โครงการค่ายวิชาการ และการทำกิจกรรมหลาย ๆ ด้าน ไม่ใช่แค่การทำกิจกรรมอย่างเดียว แต่ก็ต้องรวมถึงผลเกรด กิจกรรมอาสา จริยธรรม ด้านภาษา วิชาการมันต้องมาควบคู่กัน ก็จะช่วยทำให้พอร์ตเราน่าสนใจ เตะตากรรมการค่ะ Q: ตอนสอบสัมภาษณ์เป็นอย่างไรบ้าง A: พี่จะเจอคำถามรวม ๆ ประมาณ 10 ข้อ แยกเป็นข้อย่อยอีกค่ะ เช่น แนะนำตัวเองว่าเป็นใคร ทำไมถึงอยากเรียนแพทย์ ทำไมถึงเลือกเรียนทีนี่ บอกข้อดี-ข้อเสีย ของตัวเอง รู้อะไรบ้างในการเรียนในคณะนี้ ฯลฯ Q: ฝากถึงน้อง ๆ รุ่นต่อไปที่อยากยื่นรอบ Portfolio หน่อย A: สำหรับน้อง ๆ ที่จะเข้ารอบนี้ พี่แนะนำให้เก็บคะแนนอังกฤษไว้ก่อน ทำเกรด 5 เทอมให้ดี แล้วก็ทำกิจกรรม หรือน้อง ม. 5 อาจเริ่มเตรียมตัวลองไปสอบ BMAT (ข้อสอบเฉพาะทางสำหรับผู้ที่ต้องการเข้าศึกษาต่อในคณะแพทยศาสตร์, สัตวแพทยศาสตร์ และทันตแพทยศาสตร์), TOEFL LIP ก่อนก็ได้เพราะค่าสอบไม่ค่อยแพงมาก แต่ถ้าเป็นข้อสอบ IELTS ค่าสอบค่อนข้างจะแพง แต่มีข้อดีคือสามารถยื่นผลสอบได้หลายมหาวิทยาลัย แล้วให้ดูรายละเอียดว่าเราเหมาะกับรอบไหน รอบสมัครไหนที่เราจะยื่นได้ ส่วนน้อง ๆ ม.
4 ก็เข้าเรียนคอร์สปูพื้นฐานทั้งหมดของ ม. ต้น กับ WE BY THE BRAIN พอขึ้นม.
Portfolioคืออะไร ? อีก 1 กุญแจสำคัญสำหรับการก้าวเข้าสู่การเรียนมหาวิทยาลัย
องค์ประกอบของพอร์ต
หลายคนเข้าใจผิดว่า Portfolio ที่ดีต้องเนื้อหาแน่นๆ ยิ่งแน่นยิ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถและประสบการณ์ของเราได้เยอะ แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่เลย การทำพอร์ตนั้นไม่จำเป็นต้องหนา และเนื้อหาเยอะ ควรเน้นความกระชับของเนื้อหา
แม้เราจะเคยทำกิจกรรมมาเยอะมาก แต่ไม่จำเป็นต้องใส่ทั้งหมด ให้ใส่ในสิ่งที่เกี่ยวข้องที่สุดก่อน Portfolio หรือแฟ้มสะสมผลงานที่ดี โดยมากแล้วไม่ควรเกิน 10 หน้า (อันนี้อาจจะแล้วแต่คณะและมหาวิทยาลัยอีกที) ซึ่งใน 10 หน้านี้จะประกอบด้วย
หน้าปก (ไม่นับรวม 10 หน้า): เราคือใคร? ต้องออกแบบและนำเสนอให้ดูดีและสะดุดตา อย่าลืมใส่รูปของเรา รวมทั้งข้อมูลส่วนตัว โดยมีรายละเอียดครบถ้วนคือ เราคือใคร เรียนชั้นอะไร ที่ไหน อาชีพในฝันคืออะไร อาจใส่ความคิดสร้างสรรค์ลงไปได้ เช่น ออกแบบให้ดูเหมือนกำลังเปิดอ่านนิตยสาร เป็นต้น
หน้า 1: เรามีทักษะอะไร?
พอร์ตสายหมอ วิทยาศาสตร์การแพทย์ วิทย์สุขภาพ ทันตะ
ภาวะผู้นำ เช่น ผลงานการไปเข้าค่ายผู้นำ, เคยเป็นฝ่ายดูแลจัดการกิจกรรมตอนกีฬาสี, เคยเป็นหัวหน้าดูแลกิจกรรม นำมาใส่เลยครับ หากไม่มีรูปตัวเอง ลองหารูปกิจกรรมมาแทนแล้วอธิบายหน้าที่ของเรา ประสบการณ์ของเราลงไปก็ได้
งานวิจัย ตรงนี้ให้เราใส่งานวิจัยที่เราเคยทำลงไป พร้อมกับใส่ผลการวิจัยที่ได้ลงไปด้วย หากเป็นงานวิจัยที่เกี่ยวข้องจะดีมากๆ
จิตอาสา เช่น เป็นอาสาในการดูแลช่วยเหลือคนไข้ตามโรงพยาบาล หรือไปเป็นอาสาด้านสุขภาพต่างๆ หรืออาจเคยทำหน้าที่เป็นฝ่ายพยาบาลของโรงเรียนก็นำมาใส่เลย
วิชาการ เช่น เคยเข้าค่ายทางวิชาการ เข้าค่ายสอวน. ไปอบรมทางวิชาการกับทางโรงเรียน เคยไปแข่งขันทางวิชาการ แข่งโครงงาน แข่งตอบปัญหา ได้หมดเลยครับ
งานศิลป์ (สำหรับทันตะ) สำหรับน้องที่จะเข้าคณะทันตแพทยศาสตร์ ให้ทำผลงานด้านศิลปะติดไปด้วยครับ เช่น ผลงานปั้นดินน้ำมัน ผลงานแกะสลัก ผลงานวาดภาพเหมือน. พอร์ตสายสถาปัตย์ ออกแบบ ศิลปกรรม
ผลงานศิลปะ (ด้านทักษะ) เช่น ผลงานการวาดเส้น เทคนิคการใช้สีประเภทต่างๆ ผบงานวาดภาพเหมือน ผลงานภาพสเก็ตวาดรูปเร็วแบบจับเวลา ผลงานการปั้น ทำโมเดล
ผลงานศิลปะ (ด้านออกแบบ) เช่น การวางคอนเซปต์งาน งานนี้ที่เราทำออกมา เราใช้ความคิดอะไรลงไปในผลงาน หรือ แสดงผลงานที่สื่อถึงสไตล์ที่เป็นตัวเอง
กิจกรรมอื่นๆ เช่น น้องอาจเคยไปค่ายคณะทางศิลปกรรม คณะทางสถาปัตย์ หรือเคยไปอบรมการออกแบบ เคยส่งผลงานเข้าร่วมแข่งขัน นำมาใส่โลด
อยากเพิ่มโอกาสติดรอบ Portfolio อ่านบทความนี้
วิธีเตรียมพอร์ต (Portfolio) ฉบับ ตามสายการเรียน - TCASter
- บริษัท เซา ท์ เทิ ร์ น แด รี่ จำกัด
- ธนาคาร กสิกร ไทย สาขา ท่าเรือ สาธุประดิษฐ์ ฟรี
- เครื่อง ฟอก อากาศ จาก จีน
- ตัวอย่าง Portfolio รอบ 1 คณะวิศวกรรมศาสตร์ จากรุ่นพี่ WE ปี 64 - We by The Brain
- ผล บอล 29 6 62 3
- นวด แก้ อาการ ส มุ ย
- How to เตรียม Portfolio เรียนต่อสายแพทย์ รอบ 1 พร้อมข้อมูลที่ควรรู้ | TCASPortfolio.com
- Portfolioคืออะไร ? อีก 1 กุญแจสำคัญสำหรับการก้าวเข้าสู่การเรียนมหาวิทยาลัย
2 จัดเอกสารแนะนำตนเอง (Portfolio) ไม่เกิน 10 หน้ากระดาษ A4 (ไม่รวมปก คำนำ สารบัญ) ใช้วิธีการเย็บมุมด้านบนซ้ายเท่านั้น ทั้งนี้ กำหนดให้ 1 หน้ากระดาษใส่รูปภาพใบประกาศนียบัตร จำนวน 2 รูป และต้องมีคำอธิบายในผลงานนั้นๆ ทั้งนี้มหาวิทยาลัยขอ งดรับ แฟ้มสะสมผลงานแบบแฟ้ม ปกแข็ง/ปกอ่อน เข้าเล่ม ทุกรูปแบบ
3. 3 ผู้สมัครต้องนำส่งแฟ้มสะสมผลงานในวันที่สมัคร
3. 4 ผู้สมัครสามารถสมัครได้ 1 สาขาวิชา
3. 5 กรณีผู้สมัครหลักสูตรครุศาสตรบัณฑิต (ค. บ. 5 ปี) ต้องเข้าสอบวัดแววความเป็นครู และเข้ารับการสอบสัมภาษณ์ ตามวัน เวลา ที่มหาวิทยาลัยกำหนด
3. 6 กรณีผู้สมัครหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต (พย. 4 ปี) ต้องเข้าสอบความถนัดทางวิชาชีพ การประเมินสุขภาพจิต และเข้ารับการสอบสัมภาษณ์ ตามวัน เวลา ที่มหาวิทยาลัยกำหนด
4. ขั้นตอนการสมัคร
4. 1 การสมัครผ่านระบบออนไลน์และผ่านครูแนะแนว
4. 1. 1 ผู้สมัครต้องบันทึกข้อมูลผู้สมัครผ่านระบบการสมัครเข้าศึกษาต่อของมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ ที่ โดยกรอกข้อมูลการสมัครให้ครบและถูกต้อง และเลือกสาขาวิชาได้เพียง 1 สาขาวิชาเท่านั้น
4. 2 สั่งพิมพ์เอกสาร จำนวน 2 ฉบับ
1) ใบสมัคร
2) ใบแจ้งยอดการชำระเงินค่าธรรมเนียมการสมัคร จำนวน 200 บาท
4.
3 การสมัครด้วยตนเอง
4. 3. 1 สมัครได้ที่สำนักส่งเสริมวิชาการและงานทะเบียน ชั้น 2 อาคารอเนกคุณาคาร (Rajabhat Complex อาคาร 23) มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ หรือ Download ใบสมัครได้ที่
4. 2 เขียนข้อมูลให้ครบถ้วน ถูกต้อง ชัดเจน โดยเขียนตัวบรรจง ตรวจหลักฐานการสมัครและออกบัตรประจำตัวผู้สมัคร ที่สำนักส่งเสริมวิชาการและงานทะเบียน
4. 3 ชำระเงินค่าสมัคร จำนวน 200 บาทที่กองคลังและทรัพย์สิน (อาคาร 15 ชั้น 1)
4. 4 นำส่งแฟ้มสะสมผลงาน ใบสมัคร และหลักฐานการสมัคร ที่สำนักส่งเสริมวิชาการ และงานทะเบียน มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
5. ระยะเวลาในการรับสมัคร
5. 1 สมัครผ่านครูแนะแนว 15 – 31 ตุลาคม 2563
5. 2 การสมัครผ่านระบบออนไลน์ 2 – 20 พฤศจิกายน 2563
5. 3 การสมัครด้วยตนเอง 2 – 25 พฤศจิกายน 2563 (ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์)
6. หลักฐานที่ใช้ในการสมัครคัดเลือก
6. 1 ใบสมัคร เขียนข้อมูลให้ครบถ้วน ถูกต้องชัดเจน และเขียนตัวบรรจง
6. 2 ระเบียนแสดงผลการเรียน (ใบ ปพ. 1) ผู้สมัครที่กำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายชั้นปีที่ 6 หรือเทียบเท่า โดยมีค่าผลการเรียนเฉลี่ยสะสม (GPA) 4 ภาคเรียน ฉบับจริงเท่านั้น
6.