- สายใยแก้วนำแสง คืออะไร - Alfabase จำหน่ายสาย Fiber optic indoor/outdoor
- เส้นใยแก้านำแสง Fiber Optic | Telecommunication
5/125หรือ 50/125 ไมโครเมตร หมายถึงเส้นผ่าศูนย์กลางของท่อแก้ว 62.
สายใยแก้วนำแสง คืออะไร - Alfabase จำหน่ายสาย Fiber optic indoor/outdoor
- Simple hydrating light moisturiser รีวิว black
- คลัทช์ ทำหน้าที่อะไร ในรถเกียร์กระปุก???
- ด รา ก้อน อาย 3000 4x4
- สอบ สิทธิ์ ตรวจ สอบ เงิน ช่วยเหลือ ชาวนา ไร่ ละ 500
- สายใยแก้วนำแสง คืออะไร - Alfabase จำหน่ายสาย Fiber optic indoor/outdoor
5/125 ไมโครเมตร หมายถึงเส้นผ่าศูนย์กลางของท่อแก้ว 62. 5 ไมโครเมตร และของ แคล็ดดิงรวมท่อแก้ว 125 ไมโครเมตร คุณสมบัติของเส้นใยแก้วนำแสงแบบสเต็ปอินเด็กซ์ มีการสูญเสียสูงกว่าแบบเกรดอินเด็กซ์
ชนิด Multimode (MM) สำหรับสายใยแก้วนำแสงชนิดนี้มีเส้นผ่าศูนย์กลางของ Core ขนาด 62.
เส้นใยแก้านำแสง Fiber Optic | Telecommunication
48 ส่วนของ Cladding และส่วนป้องกันซึ่งทำหน้าที่ป้องกัน แสงจากแกนออกไปที่ภายนอก และป้องกันแสงจากภายนอกรบกวนจะมีค่า ดัชนีหักเหเป็น 1. 46 และ 1. 52 ตามลำดับ
มีขนาดของ Fiber Optic Cable ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ได้แก่ 9/125 50/125 62.
Loose Tube เป็น สาย Fiber Optic ที่ออกแบบมาใช้สำหรับเดินภายนอกอาคาร (Outdoor) โดยจะมีโครงสร้างของเปลือกหุ้มสายภายนอกที่แข็งแรงทนต่อสภาพแวดล้อม และจะมีการใส่เยลกันน้ำเข้าไป เพื่อป้องกันน้ำซึมเข้าไปภายในสาย นอกจากนี้ยังสามารถจำแนกสายแบบ Outdoor ตามลักษณะการใช้งานย่อยลงไปได้อีกดังนี้
2. 1 Duct Cable เป็นสาย Fiber Optic แบบร้อยท่อ เป็นสายที่ใช้สำหรับติดตั้งในท่อConduit
2. 2 Direct Burial เป็นสาย Fiber Optic ที่ออกแบบมาให้สามารถใช้ฝังดินได้ โดยไม่จำเป็นต้องร้อยท่อ โดยโครงสร้างของสายจะมีส่วนของ Steel Armored ที่ช่วยเป็นเกราะป้องกัน และเพิ่มความแข็งแรงให้กับสาย
2. 3 Figure 8 เป็นสาย Fiber Optic ที่ใช้ในการแขวนบนอากาศโดยโยงระหว่างเสาแต่ละต้น โดยจะมีส่วนที่เป็นลวดสลิงทำหน้าที่รับแรงดึง และประคองสาย จึงทำให้สายมีรูปร่างหน้าตัดคล้ายเลข 8 จึงเรียกว่า Figure 8
2. 4 ADSS (All Dielectric Self Support) เป็นสาย Fiber Optic ที่สามารถใช้แขวนบนอากาศโดยโยงระหว่างเสาแต่ละต้นได้ โดยไม่จำเป็นต้องใช้ลวดสลิงช่วย เนื่องจากโครงสร้างของสายประเภทนี้ได้ถูกออกแบบให้สามารถช่วยประคองสายได้ด้วยตัวของสายเอง และยังเป็นสายที่ไม่มีส่วนที่นำไฟฟ้าได้ ดังนั้นจึงทำให้มีความปลอดภัยในกรณีที่จำเป็นต้องนำไปติดตั้งใกล้กับสายไฟฟ้า
3.
ส่งข้อมูลด้วยความเร็วสูง
2. ไม่มีการรบกวนทางแม่เหล็กไฟฟ้า
3. ส่งข้อมูลได้ในปริมาณมาก
ข้อเสีย
1. มีราคาแพงกว่าสายส่งข้อมูลแบบสายคู่ตีเกลียวและโคแอกเชียล
2. ต้องใช้ความชำนาญในการติดตั้ง
3. มีค่าใช้จ่ายในการติดตั้งสูงกว่า สายคู่ตีเกลียวและโคแอกเชียล
แบบ Grade Index เป็นการให้ดัชนีหักเหของแสงมีลักษณะทำให้แสงเลี้ยวเบนทีละน้อย
2. แบบ Step Index เป็นการให้แสงสะท้อนโดยไม่ปรับคุณสมบัติของแท่งแก้วให้แสงค่อยเลี้ยวเบน
ส่วนใหญ่ปัจจุบัน สายใยแก้วนำแสงที่ใช้ในเครือข่าย Lan นั้นจะใช้แบบ Multi Mode โดยเป็นขนาด 62. 5/125 หรือ 50/125 ไมโครเมตร โดยจากคุณสมบัติแล้วนั้น สายใยแก้วนำแสงแบบ Step Index มีการสูญเสียสัญญาณสูงกว่าแบบ Grade Index แน่นอนครับ